จากใจผู้เขียน

มนุษย์คือสัตย์สังคม เพื่อน พี่ น้อง คือสังคมหนึ่งของมนุษย์ บล็อกบอกเล่าเรื่องราว ความเป็นอยู่ของสังคมลูกทหารที่เกิดและคลานตามกันมา ภายในรั้วรวดหนามที่ร้อมรอบจนเสมือนอยู่บ้านเดียวกันจินตนาการสร้างสรรค์นี้มีแรงบัลดาลใจมาจากกลุ่มบุคคลยุคต้นๆของกลุ่มซึ่งวันหนึ่ง เขากลับคิดถึงอดีตขึ้นมาจึงเริ่มขับเคลื่อนการรวมตัวและรวมกลุ่มคนในอดีต เพื่อรวบรวมบทความภาพถ่ายมานึกหวนวันวานในนามกลุ่ม"camp boy."กลุ่มoriginal ชื่อเดิม "เด็กร้อย ล.ว.8" แต่30กว่าปีให้หลังมลขลังของ camp boy ก็ไม่ได้ถูกลบเลือนไปจากสังคมยังมีเด็กรุ่นหลังที่สืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันแต่มีการปรับเปลี่ยนไปตามแนวทางของกลุ่มชื่อว่า '' M.Zaw pad 28" ทั้งนี้ผู้เขียนขอยืนยันว่าคนทั้ง2กลุ่มคือบุคคลกลุ่มเดียวกัน แต่ต่างยุคสมัยเท่านั้นเอง
ขอบคุณจากใจ
เตี้ย

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ใจหมา

camp boy วัยระเริง

อุ้ยแม่เจ้า!  อย่าไปยุ่งกับมัน พวกเนี้ย ....... นี่คือเสียงลือเสียงเล่าอ้าง
โจ๊ก บอล เอ็ดดี้  เบียร์  (มะเดี่ยวไม่เกี่ยวมะเดี่ยวเด็กดี)
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ในความเสเพลของพวกเขา CAMP  BOY  ถึงยุคที่ใช้คำว่าจัดเต็มจริงๆ  เป็นช่วงที่เราย้ายมาจาก ค่ายพ่อขุนกันใหม่ๆ      ความห้าวนี่ต้องยอมรับว่าเกินร้อย  โดยเฉพาะ เอ็ดดี้ (คนที่3จากซ้าย) ด้วยเอกลักษณ์ ทรงผม ไฟโด้ ดีโด้ของแกไม่ต้องพูดถึงสาวๆ ติดกันเกียวกราว   เป็นช่วงที่แกสมหวังในความรักมากที่สุดเท่าที่ผมจำได้    เมื่อก่อนแกไม่ใช่คนใจน้อยเหมือนสมัยนี้ ใจแกใหญ่เท่าภูเขาเหล่ากา   ถ้าเปรียบเทียบนิสัยและความใจใหญ่ของแก ให้เปรียบเทียนที่ เจ้าบีน้องชายของเขา  สมัยนั้นอาจจะเป็น ฤดูหาคู่ของพวกเรา  เรียนไม่ยุ่งมุ่งแต่รัก  ภาหนะที่ อาดดี้ใช้แว้น ปิดแซงชาวบ้าน  จนหางปายาว 12 นิ้ว ขาดไม่เว้นแต่ละวัน คือ เจ้าคริสตันชมพู ลงเสตอ 28 ออกตัวช้ามากๆ ปล่อยให้คู่แข่งนำไปก่อนทุกครั้ง     แต่แล้วเจ้าเสตอ 28 ของเขาก็รอรอบและแซงคู่แข่งในเสาไฟสุดท้ายจนนับครั้งไม่ท้วน   วัยรุ่น เด็กเล็ก  ผู้ใหญ่ ในค่ายต่างร้องยี้  เมื่อเห็นพวกเรา  ด้วยพฤติกรรมที่เสเพล  ลักเล็กขโมยน้อย  ต่อยนายสิบใหม่  ต่อยลูกทหารด้วยกันเอง  ยาเสพติด  หลายครั้งที่ทำให้ชีวิตของพวกเราต้องตกอยู่ในวังวนอบายมุข  วังวนของความสับสนวุ่นวายใจ   กี่ครั้งที่พ่อแม่ต้องเสียน้ำตา  กี่ครั้งที่ พ่อ ต้องถูกผู้บังคับบัญชาเรียกพบ  กี่ครั้งที่กิ่งโป๊ยเซียนบ้านคุณจะต้องหาย
ครั้งหนึ่ง พวกเรามีเรื่องกับเด็กในหมู่บ้าน  พวกเรานี่แหละพร้อมจะต่อสู้ด้วยกันกำปั้นต่อกำปั้น  สุดท้ายความน่าเกรงขามของคนที่เรียกว่าเถื่อนกว่า  โหดกว่า  พร้อมจะฆ่าคุณได้ตลอดเวลา  สั่งสอนเราซะจนบางครั้งเราคิดว่าเราเป็นเสือ  แต่แท้จริงแล้ว เราแค่แมวตัวเล็กๆหัดฝนเล็บ เมื่อต้องเปรียบเทียบกับโลกกว้าง   เรื่องมีอยู่ว่าวันนั้นมีการท้า ต่อยกันระหว่าง เบียร์ กับ เด็กในหมู่บ้าน  6โมงเวลานัดหมาย หน้าน้ำตกธารทิพย์พวกเราไปกันทั้งหมด 4 คน  โจ๊ก  บอล  ดี้  เบียร์  เราไม่รอนานเสียงรถมอร์เตอร์ไซ์ร่วม 20 คัน เสียงดังคำรามมาจากหมู่บ้าน เหมือนเสียงรังผึ้งแตกทำให้เราใจแป๊วเหมือนกัน  แต่เราก็ยังยืนหยัดพร้อมหน้ากัน 4 คน เผชิญน่ากับเด็กหมู่บ้านไม่ต่ำกว่า 50 คน หลายคนพกมีด  หลายคนพกปืน  เรามีเพียงสนับมือ มีดพกเล็กๆ จะไหมหรอว๊ะ    แต่แล้วเรื่องราวจบลงตรงที่เราต้องเข้าไปตามรุ่นใหญ่ของพวกเราออกมาอีกทีถึงเป็นการต่อยตัว/ตัวแต่เราก็ยังไม่ไว้ใจพวกมัน     มันพร้อมจะลุมเราได้เสมอ   ในเมื่อเราขอเข้าไปตามรุ่นใหญ่พวกมันดูท่าทีถอยทัพเหมือนกัน  จนสุดท้ายพวกมันถอยทัพเพราะเกรงกลัวรุ่นใหญ่ของพวกเราพอสมควร   วันนั้นเป็นอันว่าไม่ใครต้องเจ็บตัว หรือถูกลูกปืนยิงตาย นั่นคือความสามัคคีที่เรามีและยืนหยัดเคียงข้างกัน  ถึงแม้จะขาสั่น ปากสั่นจนพูดไม่ออกแต่เรายังยืนอยู่รอจมตืนด้วยกัน.......
ใครหรอรุ่นใหญ่  (จ่าไหน) หรืออาไหน ไม่มีใครไม่รู้จักแก  ขอให้ได้บอก "ใครทำหลานกู ๆๆๆๆๆ"  นี่คือคำพูดเอกลักษณ์ของแกพวกเรายกย่องแกมาก   สมัยนี้แกก็ยังเหมือนเดิม  คอนเฟริม

แต่เรื่องราวทั้งหมดจงเชื่อเถอะว่า  พ่อแม่เราสั่งสอนเรามาดีแล้ว  แต่ด้วยความห้าวหาญของวัยรุ่นทำให้พวกเรา ต้องเผชิญมันเพราะสังคมสมัยก่อนอยู่ด้วย พละกำลังกำปั้น คมมีด  และจิตใจที่หยาบกระด้าง...
สุดท้ายนี้  เมื่อเห็นรูปแล้วมองย้อนอดีตไป ชั่งน่าขอบใจประสบการณ์ ที่ครั้งหนึ่งคุณอาจจะหาไม่ได้อีกแล้ว เพราะวัยรุ่นใจหมาเกิดมาเป็นได้แค่ครั้งเดียว
คิดถึงอดีตเน๊ะ
โจ็ก บอล ดี้  เบียร์....



0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

ด่วน ลงประวัติหางานฟรี

ประกันภัยรถยนต์