จากใจผู้เขียน

มนุษย์คือสัตย์สังคม เพื่อน พี่ น้อง คือสังคมหนึ่งของมนุษย์ บล็อกบอกเล่าเรื่องราว ความเป็นอยู่ของสังคมลูกทหารที่เกิดและคลานตามกันมา ภายในรั้วรวดหนามที่ร้อมรอบจนเสมือนอยู่บ้านเดียวกันจินตนาการสร้างสรรค์นี้มีแรงบัลดาลใจมาจากกลุ่มบุคคลยุคต้นๆของกลุ่มซึ่งวันหนึ่ง เขากลับคิดถึงอดีตขึ้นมาจึงเริ่มขับเคลื่อนการรวมตัวและรวมกลุ่มคนในอดีต เพื่อรวบรวมบทความภาพถ่ายมานึกหวนวันวานในนามกลุ่ม"camp boy."กลุ่มoriginal ชื่อเดิม "เด็กร้อย ล.ว.8" แต่30กว่าปีให้หลังมลขลังของ camp boy ก็ไม่ได้ถูกลบเลือนไปจากสังคมยังมีเด็กรุ่นหลังที่สืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันแต่มีการปรับเปลี่ยนไปตามแนวทางของกลุ่มชื่อว่า '' M.Zaw pad 28" ทั้งนี้ผู้เขียนขอยืนยันว่าคนทั้ง2กลุ่มคือบุคคลกลุ่มเดียวกัน แต่ต่างยุคสมัยเท่านั้นเอง
ขอบคุณจากใจ
เตี้ย

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ผู้ใหญ่ใจดี


แนะนำผู้ใหญ่ใจดี

หากย้อนหลังไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อนยังไม่มีการจัดตั้งกลุ่ม camp boy เพราะกำลังคนของกลุ่มยังเด็กมากเกินกว่าที่จะจัดตั้งกลุ่ม ตอนนั้นความต้องการของเด็กน้อยยังมีแค่ เล่น กิน นอน ยังไม่มีการรวมตัวอย่างชัดเจน ยังใช้คำว่าเด็กแถวหน้า เด็กแถวหลัง เด็กหลังค่าย กันอยู่ เรื่องราวที่กำลังเขียนจำความได้ไม่มากนัก แต่ที่ยังจดจำได้ดีจะมีผู้ใหญ่ใจดีอยู่คนหนึ่ง ที่พาเด็กหลังค่ายอย่างพวกเราไปเก็บปูนา ที่อยู่ตามท้องร่องท่อระบายน้ำ มานึ่งใส่ซึ่งใหญ่ๆให้พวกเรากิน เกือบทุกอาทิตย์ เมื่อก่อน ปู ปลา หากินกันง่ายมากเมื่อเทียบกับสมัยนี้ ด้วยความใจดีของผู้ใหญ่คนนี้บ้านของเขา จะเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของพวกเราในสมัยนั้น บรรดาเด็กผู้ชายก็จะพากันไปเพาะกล้าม เพาะมีอุปกรณ์และลูกเหล็กอยู่ 2-3 ชิ้นให้เราได้ออกกำลังกายกัน หลังจากเล่นไปเล่นมาได้ไม่นานหลายๆคนเรื่มมีกล้ามปีกโผล่ขึ้นมา เป็นที่ถูกใจของเด็กผู้ชายสมันนั้น แต่สมัยนี้จะเน้นไปที่กล้ามข้อมือ เพราะต้องใช้งานหนักในกิจกรรมการล่ำสุรา หากไม่มีกล้ามข้อมือโปรดระวังตื่นเช้ามาอาจจะล้าข้อมือก็เป็นได้ ความใจดีของเขายังมีอีกมากแต่ไม่อาจถ่ายทอดออกมาได้หมด เพราะมันฝังลึกแบบเลือนลางอยู่ในใจ 
ครั้งหนึ่งหมาของแกชื่อไอ้กระทิเป็นหมากึ่งๆจะขี้เลื้อนหลายคนคงจำมันได้ดี มันโดนยาเบื่อจากคนใจหมาที่ไหนก็ไม่ทราบ อาการของมันปางตาย ผู้ใหญ่ใจดีคนนี้ไม่รอช้าคว้ามอร์เตอร์ไซด์คันเก่งของแก แหล่งข่าวเปิดเผยว่าแกปิดคันเร่งไม่ยั้ง แต่ไม่มีการเปิดเผยถึงความเร็วว่ากี่กิโลเมตรต่อชั่วโมง  จุดประสงค์และจุดหมายของแกเพื่อที่จะไปตลาดในเมืองเพชรบูรณ์ หาซื้อเม็ดแมงลัก เอามาผสมน้ำกรอกปากไอ้กระทิ ตำนานนี้เป็นที่กล่าวขานและยังหาข้อสรุปชัดเจนไม่ได้ว่า เวลาในการขับรถออกไปซื้อเม็ดแมงลักเขาใช้เวลากี่นาทีกันแน่ บ้างก็ว่า 5 นาที บางคนว่า7 นาที จนโตขนาดนี้ผมก็ยังหาความจริงไม่ได้สมัยนั้นแกจึงเป็นฮีโร่ในใจใครหลายๆคน  เดี๋ยวว่างๆไปเพชรบูรณ์จะลองไปถามแกดู เพราะเรื่องนี้มันค้างคาใจมานานมากแล้ว 555 จะกี่นาทีก็ชั่งแต่ไอ้กระทิมันรอดตายมาได้ แต่ความใจหมาของคนก็ยังไม่จบ หรือว่าเราต้องโทษความตะกระของไอ้กระทิดี เพราะมันถูกอย่าเบื่อแบบเดิมอาการเดิมอีกหลายๆครั้ง แต่เรื่องเม็ดแมงลักถอนพิษไม่ต้องห่วงเขาซื้อยกกระสอบไว้ถินพิษให้มันแล้ว.....  จากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันความถึงความโอบอ้อมอารีและเผื่อแผ่มีเมตตาเพื่อนร่วมโลกของแก


นี่คือเรื่องราวเรื่องแรกของเว็บบล้อกของพวกเรา วันนี้พอเท่านี้ก่อน วันหน้าจะมีเรื่องอะไรมาเล่าอีกโปรดติดตาม สำหรับบุคคลในตำนานของกลุ่มที่มีอายุพอที่จะเรียกว่าตำนานทั้งหลายได้อ่านบล็อกนี้แล้วรู้ตัวโปรดนำภาพถ่ายหายากมาแสดงพร้อมคำอธิบายนิดหน่อยเพราะผู้เขียนจะบันทึกตำนานไว้ในบล็อกแห่งนี้สำหรับ ยุคของZawPad โปรดอัพเดทวัฒนธรรมใหม่ๆ เรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่รูปภาพที่มีสีสันทันยุคสมัยอย่างสม่ำเสมอด้วยจ๊ะนี่คือคำสั่ง!

ปล.เราจะไม่เปิดเผยชื่อของผู้ใหญ่ใจดีท่านนี้ออกสื่อเพราะกลัวเรื่องลิขสิทธิ์พ้องร้องเหมือนดารา
ซึ่งผู้เขียนยังไม่ได้รับลิขสิทธิ์ดังกล่าวครับ โปรดเข้าใจมา ณ ที่นี้



บทความโดย
นามคีร์บอร์ด
เตี้ย...




 

3 ความคิดเห็น :

  1. 5555++
    อ่านแล้วรู้เลย

    ตอบลบ
  2. เอาไปแชร์หน่อยสิ

    ตอบลบ
  3. กะลังจะซึ้งๆๆ พามาฮาเฉยเลย 555 ขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า กี่นาที

    ตอบลบ

ด่วน ลงประวัติหางานฟรี

ประกันภัยรถยนต์